
“ผมอยากให้คนไทยมองว่าผมคือคนไทยคนหนึ่ง แม้การกลับมาครั้งนี้จะต้องเริ่มใหม่แทบทุกอย่าง แต่ก็ไม่เคยคิดจะยอมแพ้ เพราะนี่คือบ้านของผม”
นาย ยูซูบ อารียะห์ ได้บอกเล่าเรื่องราวของตนเอง ซึ่งเป็นภาพแทนของคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาในวัฒนธรรมที่แตกต่าง และเลือกที่จะกลับมา “เริ่มต้นใหม่” ด้วยความตั้งใจใช้ชีวิตในบ้านเกิดของตนเอง ยูซูบคือหนึ่งในนักศึกษาชาวไทยมุสลิมกลุ่ม มูวัลลัด (Muwallad) ซึ่งหมายถึงคนไทยเชื้อสายมลายูที่เกิดและเติบโตในต่างแดน โดยเฉพาะในประเทศซาอุดีอาระเบีย เขาใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนทะเลทรายกว่า 18 ปี ก่อนจะย้ายกลับมาประเทศไทยพร้อมครอบครัวเมื่อ 2 ปีก่อน แม้จะมีเชื้อสายไทยจากจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ยูซูบกล่าวว่า “ผมไม่สามารถพูดไทยได้เลยในช่วงแรก” และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความรู้สึกแปลกแยก ถูกมองว่า ‘เป็นคนไทย’ แต่กลับไม่เข้าใจภาษาไทย วัฒนธรรมไทย หรือแม้แต่พฤติกรรมของเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน
“ผมสื่อสารได้แค่ภาษาอาหรับกับอังกฤษ ส่วนภาษาไทยเป็นกำแพงใหญ่ที่ต้องพยายามข้ามให้ได้”
สำหรับยูซูบภาษาไม่ใช่อุปสรรค หากหัวใจไม่ปิดกั้นและพร้อมเรียนรู้ การเลือกเรียนคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ในสาขาภาษาอาหรับเพื่อธุรกิจ คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ยูซูบได้ก้าวเข้าสู่พื้นที่ใหม่ที่เปิดกว้างมากขึ้น มหาวิทยาลัยที่เข้าใจความหลากหลายทางวัฒนธรรม และเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอนบางรายวิชา เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เขาเริ่มต้นการปรับตัวได้เร็วขึ้น แต่กระบวนการเรียนรู้ที่แท้จริงกลับเกิดขึ้นนอกห้องเรียน ยูซูบเล่าว่า การเข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ การฝึกพูดและฟังภาษาไทยจากบริบทในชีวิตประจำวัน การเปิดใจรับวัฒนธรรมใหม่และเรียนรู้ภาษาใต้จากคนในครอบครัว ค่อยๆ ทำให้เขารู้สึก ‘เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่’

“ผมเคยท้อ เคยรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจ แต่วันหนึ่งผมเปลี่ยนมุมมองว่า ถ้าอยากให้คนอื่นเข้าใจ เราก็ต้องเริ่มจากการเข้าใจเขาก่อน”
แม้เติบโตมาท่ามกลางอัตลักษณ์อาหรับที่ชัดเจน แต่ยูซูบไม่เคยปฏิเสธรากเหง้าความเป็นไทยของตนเอง เขาคิดเสมอว่า ‘ตนเองคือสะพานเชื่อมระหว่างสองวัฒนธรรม’ นั่นคือเหตุผลที่เขาตั้งเป้าหมายในชีวิตว่า อยากเป็นคนกลางในการสร้างความเข้าใจและต่อยอดความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง ทั้งในแง่ของธุรกิจ การท่องเที่ยว การศึกษา หรือแม้แต่การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

“ผมเชื่อว่าความแตกต่างไม่ใช่สิ่งที่ต้องกลัว แต่คือสิ่งที่ทำให้เรามองโลกกว้างขึ้น”
ยูซูบอาจไม่ใช่คนเดียวที่เดินบนเส้นทางนี้ เขาคือหนึ่งในหลายร้อย หลายพันชีวิตของกลุ่ม มูวัลลัด (Muwallad) ที่เติบโตในบริบทต่างวัฒนธรรม และกำลังพยายามกลับมาเชื่อมโยงกับบ้านเกิด ผ่านภาษาที่ไม่คุ้นเคย ผ่านสายตาที่บางครั้งยังไม่เข้าใจ ซึ่งเขาฝากข้อเสนอถึงมหาวิทยาลัยและสังคมว่า อยากเห็นพื้นที่ของความหลากหลายมากกว่านี้ ทั้งในแง่การเรียนการสอน การสนับสนุนการใช้ภาษาอังกฤษ และการเปิดใจยอมรับนักศึกษาที่มาจากพื้นเพที่แตกต่างกัน

“แค่ให้โอกาส ให้พื้นที่ และมองด้วยความเข้าใจ เราทุกคนก็สามารถเติบโตได้ แม้จุดเริ่มต้นจะไม่เหมือนกัน”
ยูซูบ อารียะห์ ไม่ได้เป็นเพียงนักศึกษาอีกคนหนึ่งในมหาวิทยาลัย แต่เขาคือเรื่องเล่าของการปรับตัว บทเรียนของความกล้าหาญ และเสียงสะท้อนของความหวังของกลุ่มมูวัลลัด (Muwallad) เสียงหนึ่งที่กำลังบอกกับสังคมไทยว่า “การยอมรับตัวเอง และการเปิดใจเข้าใจคนอื่น คือกุญแจของการอยู่ร่วมกันอย่างมีความหมาย”
ในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในกลุ่ม มูวัลลัด (Muwallad) — กลุ่มคนไทยเชื้อสายมลายูที่เติบโตในโลกมุสลิมต่างแดน — ยูซูบอยากเห็นพื้นที่การเรียนรู้ที่หลากหลายและโอกาสที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้นสำหรับกลุ่มคนที่มีรากเหง้าทางวัฒนธรรมแตกต่างเช่นเขา เพื่อที่ทุกคนจะสามารถนำความรู้ ความสามารถ และศักยภาพที่มี มาร่วมพัฒนาสังคมในพื้นที่ชายแดนใต้ได้

“ตอนแรกผมไม่เคยคิดเลยว่า ภาษาอาหรับที่ผมใช้ในชีวิตประจำวันมาตลอด จะกลายเป็นสะพานเชื่อมโยงที่สำคัญในหลากหลายบริบทเมื่อมาอยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ การศึกษา หรือการสร้างความเข้าใจระหว่างวัฒนธรรม ผมจึงอยากใช้จุดแข็งนี้เพื่อประโยชน์ของสังคม”
ยูซูบยังฝากความหวังไปยังกลุ่มเพื่อนมูวัลลัดในพื้นที่เดียวกันว่า อยากให้ทุกคนเปิดใจ เปิดรับความแตกต่าง และตั้งใจพัฒนาศักยภาพของตนเองอยู่เสมอ เพราะแม้พื้นเพจะไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนสามารถมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงทั้งสองวัฒนธรรมได้
“ถ้าเรายอมรับว่าเราไม่เหมือนใคร แล้วใช้ความแตกต่างนั้นเป็นพลัง เราก็จะกลายเป็นสะพานที่มีความหมายสำหรับทั้งสองฝั่ง ไม่ว่าจะเป็นด้านภาษา วัฒนธรรม หรือความเข้าใจของผู้คน”
เรียบเรียงโดย ….นางสาวพัชรกัญญ์ ยังปากน้ำ