
3 พฤษภาคม: วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก
ความรุนแรงถึงตายใน “สงคราม” สู่ความท้าทายยุค “AI”
วันที่ 3 พฤษภาคมของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็นวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก (World Press Freedom Day) โดยมีจุดเริ่มต้นจากข้อเสนอขององค์การยูเนสโก (UNESCO) ซึ่งนำไปสู่การประกาศโดยสมัชชาใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติ (UN) การกำหนดวันนี้ขึ้นมาก็เพื่อเป็นการเน้นย้ำหลักการสำคัญที่สอดคล้องกับ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (The Universal Declaration of Human Rights) ค.ศ. 1948 (พ.ศ. 2491) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมาตรา 19 ที่ได้รับรองเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพของสื่อมวลชนไว้อย่างชัดเจนว่า:
“ทุกคนมีสิทธิในอิสรภาพแห่งความเห็นและการแสดงออก สิทธินี้รวมถึงอิสรภาพในการที่จะถือเอาความเห็นโดยปราศจากการแทรกสอดและที่จะแสวงหารับและแจกจ่ายข่าวสาร และความคิดเห็นไม่ว่าโดยวิธีใด ๆ และโดยไม่คำนึงถึงเขตแดน”
ด้วยเหตุนี้ วันที่ 3 พฤษภาคม จึงถูกกำหนดขึ้นเพื่อเน้นย้ำถึงเสรีภาพ ซึ่งเปรียบเสมือนลมหายใจสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน ตลอดจนกระตุ้นให้ภาครัฐตระหนักและเคารพเสรีภาพสื่อและเรียกร้องให้สาธารณชนทุกภาคส่วนร่วมเป็นเกราะคุ้มกัน สนับสนุนให้สื่อมวลชนสามารถทำหน้าที่นำเสนอข้อเท็จจริงได้อย่างซื่อสัตย์สุจริตตามหลักจรรยาบรรณวิชาชีพของตนเอง

ข้อถกเถียงเชิงทฤษฎีต่อแนวคิดเสรีภาพสื่อมวลชน
อะไรคือสิ่งที่ใช้วัดหรือชี้วัดการมีเสรีภาพของสื่อมวลชน? คำถามนี้ย้อนไปถึงรากฐานสำคัญในทฤษฎีบรรทัดฐานของสื่อมวลชน (Normative Theory) ซึ่งพยายามทำความเข้าใจว่าแท้จริงแล้ว เสรีภาพสื่อมวลชนคืออะไร และระดับของเสรีภาพนี้มีความแตกต่างกันอย่างไรในสังคมแต่ละรูปแบบ
ในมุมมองหนึ่ง ทฤษฎีอำนาจนิยม (Authoritarian Theory) มองว่า เสรีภาพสื่อมวลชนคือสิ่งที่รัฐเป็นผู้มอบให้ โดยรัฐเป็นผู้กำหนดขอบเขตและเงื่อนไขในการทำหน้าที่อย่างเคร่งครัด สื่อมวลชนในระบบนี้มีหน้าที่หลักในการรับใช้รัฐบาลเพื่อธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงของรัฐ การแสดงความคิดเห็นที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลถือเป็นสิ่งต้องห้ามโดยสิ้นเชิง และผู้ฝ่าฝืนอาจต้องเผชิญกับการจำกัดเสรีภาพในรูปแบบต่าง ๆ ตรงกันข้ามกับทฤษฎีอิสรภาพนิยม (Libertarian Theory) ยืนยันในหลักการที่ว่า สื่อมวลชนควรมีเสรีภาพอย่างเต็มที่ ปราศจากการแทรกแซงหรือควบคุมจากรัฐ เพื่อทำหน้าที่เป็นเสมือนตลาดแห่งความคิดเสรีที่เปิดกว้างสำหรับความเห็นที่หลากหลายและแตกต่างของผู้คนในสังคม หัวใจสำคัญคือการใช้เสรีภาพนี้เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจรัฐ ป้องกันไม่ให้รัฐบาลใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือออกนอกลู่นอกทาง
อย่างไรก็ตาม การทำหน้าที่อย่างอิสระปราศจากข้อจำกัดตามแนวคิดอิสรภาพนิยมอาจนำไปสู่ปัญหาการใช้เสรีภาพเกินขอบเขต เช่น การละเมิดสิทธิ การหมิ่นประมาท หรือการนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง จนสร้างความเสียหายต่อบุคคลและสังคมในวงกว้าง นี่จึงเป็นที่มาของทฤษฎีความรับผิดชอบทางสังคมของสื่อมวลชน (Social Responsibility Theory) ซึ่งมองว่า การใช้เสรีภาพของสื่อมวลชนนั้น จำเป็นต้องมาพร้อมกับความระมัดระวัง มีขอบเขตที่ชัดเจน และมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยต้องไม่นำเสนอเนื้อหาที่ละเมิดหรือสร้างความเสียหายต่อผู้อื่น เพื่อให้สังคมโดยรวมได้รับประโยชน์สูงสุดจากการทำหน้าที่ของสื่อ
จะเห็นได้ว่านิยาม ขอบเขต และการใช้เสรีภาพของสื่อมวลชน เป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงและหาจุดสมดุลมาอย่างต่อเนื่องในแต่ละยุคสมัย สะท้อนให้เห็นความซับซ้อนของบทบาทสื่อมวลชนและเสรีภาพในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสถาบันสำคัญของสังคม
รู้จักดัชนีวัดเสรีภาพของสื่อมวลชนทั่วโลก
ขณะที่การวัดเสรีภาพของสื่อมวลชนในระดับโลกนั้น ดัชนีเสรีภาพสื่อมวลชนโลก (World Press Freedom Index – WPFI) ซึ่งจัดทำโดยองค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน (Reporters Without Borders – RSF) ที่ดำเนินการเป็นประจำทุกปี ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการวัดระดับการมีเสรีภาพของสื่อมวลชนในระดับโลก ดัชนีนี้ใช้เกณฑ์การวัดและประเมิน โดยพิจารณาจาก 5 ด้านหลัก ได้แก่ (1) บริบททางการเมือง (2) กรอบกฎหมาย (3) บริบททางเศรษฐกิจ (4) บริบททางสังคมและวัฒนธรรม(5) ความปลอดภัยของสื่อมวลชน โดยแต่ละด้านนี้ประกอบด้วยตัวชี้วัดย่อยจำนวนมากเพื่อประเมินสถานการณ์เสรีภาพสื่อในแต่ละประเทศ ผลการประเมินจะถูกแบ่งออกเป็นระดับคะแนน ซึ่งสะท้อนสถานการณ์เสรีภาพสื่อมวลชน ได้แก่
- ดี (Good): 85.01–100 คะแนน
- น่าพอใจ (Satisfactory): 70.01–85.00 คะแนน
- มีปัญหา (Problematic): 55.01–70.00 คะแนน
- ยากลำบาก (Difficult): 40.01–55.00 คะแนน
- เลวร้ายมาก (Very Serious): 0–40.00 คะแนน
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มประเทศที่ไม่สามารถจัดอันดับได้ (Not classified) ในกรณีที่ข้อมูลไม่เพียงพอต่อการประเมิน ดัชนีนี้เป็นเสมือนเครื่องสะท้อนภาพรวมของสถานการณ์เสรีภาพสื่อมวลชนโลกที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย จากรายงานดัชนีเสรีภาพสื่อมวลชนโลก ประจำปี 2567 ที่เผยแพร่โดย RSF พบว่า ประเทศไทยอยู่ในระดับ “มีปัญหา” (Problematic) อันดับที่ 87 (58.12 คะแนน) เป็นระดับที่ดีกว่าการจัดอันดับเมื่อปี 2566 ที่ได้รับการจัดอันดับที่ 106 (55.24 คะแนน)

■ ที่มา https://rsf.org/en/index
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน ประเทศไทยมีสถานการณ์ที่ ดีกว่าประเทศอื่นในอาเซียนทุกประเทศ เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่ในอาเซียนยังคงอยู่ในระดับ “ยากลำบาก” (Difficult) หรือต่ำกว่านั้น โดยได้รับการจัดอันดับที่มากกว่า 100 ทั้งสิ้น
เสรีภาพที่แลกมาด้วยชีวิตในพื้นที่สงคราม
สำหรับสถานการณ์เสรีภาพสื่อมวลชนโลก ในช่วง ปี 2567 ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าสื่อมวลชนจำนวนมากยังคงต้องเผชิญกับอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะสงครามที่ปะทุขึ้นในหลายภูมิภาคทั่วโลก
ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ เช่น สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และความรุนแรงในฉนวนกาซา ซึ่งเกี่ยวข้องกับกองทัพอิสราเอลและกลุ่มฮามาส รวมถึงในเลบานอน ไม่เพียงแต่ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่อของอาวุธทำลายล้างเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อสื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่ในด่านหน้า เพื่อรายงานข้อเท็จจริง โดยพวกเขาต้องเผชิญกับความเสี่ยงและภัยคุกคามต่อชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังที่พบว่า
สงครามในยูเครน รายงานจาก National Union of Journalists of Ukraine (NUJU) และ International Federation of Journalists ระบุว่า ตั้งแต่เริ่มสงครามเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 จนถึงเดือนมีนาคม 2568 มีสื่อมวลชน และผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสื่อเสียชีวิตแล้ว 117 ราย โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนโดยตรง
ความขัดแย้งในกาซา/เลบานอน จากรายงานของ Committee to Protect Journalists (CPJ) พบว่า ในช่วง ปี 2567 มีสื่อมวลชนเสียชีวิตในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว 78 ราย ซึ่งนับเป็นจำนวนที่สูงกว่าปี 2566 ที่มีผู้เสียชีวิต 68 ราย ในความขัดแย้งเดียวกันนี้ (หมายเหตุ: ตัวเลขผู้เสียชีวิตในความขัดแย้งนี้มีการรายงานอัปเดตอยู่เสมอ และอาจมีจำนวนรวมที่สูงกว่านี้ในภายหลัง)
จากรายงานข้างต้น จะเห็นได้ว่า สื่อมวลชนจำนวนมากต้องสังเวยชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ ภาวะสงคราม ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงมหาศาลที่พวกเขาต้องเผชิญในการนำเสนอข่าวสารและความจริงสู่สายตาโลก
ขณะที่บทความนี้กำลังถูกเรียบเรียงอยู่ ข่าวอันน่าเศร้าและน่าตกใจได้เผยแพร่ออกมาเกี่ยวกับชะตากรรมของ Victoria Roshchyna นักข่าวหญิงชาวยูเครน ที่หายตัวไปตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2566 ขณะที่เธอกำลังปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวในดินแดนยูเครนที่ถูกรัสเซียยึดครอง
ล่าสุด ร่างของเธอถูกส่งกลับคืนสู่ยูเครนแล้วพร้อมกับมีรายงานที่น่าสลดใจว่าพบร่องรอยการทรมานอย่างสาหัส รายงานจาก CNN ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า เธอถูกควบคุมตัวโดยปราศจากการตั้งข้อหาใด ๆ และถูกส่งตัวไปยังประเทศรัสเซีย ก่อนจะเสียชีวิต โดยเมื่อเดือนกันยายนปี 2567 ขณะกำลังถูกเคลื่อนย้ายจากสถานกักกันในเมือง Taganrog ไปยังกรุงมอสโก ซึ่งเป็นการย้ายเพื่อเตรียมการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษ แต่สุดท้ายเธอก็ได้กลับประเทศบ้านเกิดเพียงร่างที่ไร้ลมหายใจเท่านั้น (อัปเดตข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568)
เหตุการณ์นี้ตอกย้ำความจริงอันโหดร้ายว่า สงครามไม่เคยละเว้นใคร ไม่ว่าจะเป็นพลเรือน ผู้บริสุทธิ์ หรือแม้แต่สื่อมวลชน ผู้ซึ่งอุทิศตนทำหน้าที่อย่างกล้าหาญในการแสวงหาและนำเสนอความจริงจากพื้นที่ความขัดแย้งสู่สายตาชาวโลกเพื่อให้เห็นถึงความเลวร้ายของสงครามว่ามันได้สร้างผลกระทบมากมายเพียงใด
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายต่อเสรีภาพสื่อมวลชนไม่ได้จำกัดอยู่ในพื้นที่สงครามเท่านั้น แม้แต่ในประเทศประชาธิปไตยอย่างสหรัฐอเมริกา ที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาต้องเผชิญกับการแบ่งฝักฝ่ายทางการเมืองอย่างชัดเจน บรรยากาศการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในประเทศที่ได้ชื่อว่ามีเสรีภาพสูงแห่งนี้ก็ไม่ได้ง่ายดายเช่นกัน

■ VOA ไทยมีความเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายในเพจเมื่อเดือนมีนาคม 2568 หลังรัฐบาลทรัมป์สั่งพักงาน
ในช่วงเดือนมีนาคม 2568 ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งพักงานเจ้าหน้าที่ขององค์กรสื่อรัฐบาลสหรัฐฯ เช่น Voice of America (VOA) Radio Free Asia และ Radio Free Europe คำสั่งดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อบุคลากรสื่อมวลชนของรัฐบาลกลางในหน่วยงานเหล่านี้เป็นจำนวนนับพันคน เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความเป็นอิสระในการทำงานของสื่อที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐ
นอกจากนี้ สื่อมวลชนในสหรัฐอเมริกายังคงเผชิญกับการข่มขู่ คุกคาม และทำร้ายในภาคสนามอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์นี้ปรากฏชัดเจนขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนปี 2565 เป็นต้นมา ท่ามกลางความขัดแย้งและความตึงเครียดทางสังคมที่รุนแรงขึ้น
ตัวอย่างความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับนักข่าวในภาคสนาม เช่น การถูกทำร้ายร่างกายขณะรายงานข่าว การตกอยู่ในอันตรายจากเหตุการณ์ความรุนแรงจนถึงขั้นถูกยิงในพื้นที่ข่าว และการถูกจับกุมตัวระหว่างการปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวการประท้วง สะท้อนให้เห็นว่าการแสวงหาและนำเสนอความจริงยังคงเป็นภารกิจที่ต้องแลกมาด้วยความปลอดภัยและคดีความต่าง ๆ แม้ในประเทศที่ได้ชื่อว่าปกป้องเสรีภาพสื่อก็ตาม
จากสถานการณ์ข้างต้น จึงกล่าวได้ว่า เสรีภาพสื่อมวลชนกำลังเผชิญกับความท้าทายในหลากหลายรูปแบบทั่วโลก จากภาพความรุนแรงในพื้นที่สงครามที่สื่อมวลชนต้องแลกมาด้วยชีวิตในการรายงานความจริงดังที่เกิดขึ้นในสงครามยูเครนหรือความขัดแย้งในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นภัยคุกคามขั้นสูงสุด แต่อุปสรรคต่อเสรีภาพสื่อมิได้จำกัดอยู่เพียงในสมรภูมิรบเท่านั้น แม้แต่ในประเทศประชาธิปไตยอย่างสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีบรรยากาศทางการเมืองที่แบ่งฝักฝ่าย ก็ยังพบปัญหาในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนตั้งแต่การเผชิญกับการคุกคามข่มขู่ และทำร้ายร่างกายในภาคสนาม ไปจนถึงความกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงที่อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอิสระของสื่อในหน่วยงานของรัฐ สถานการณ์ที่หลากหลายเหล่านี้ล้วนชี้ให้เห็นว่า การต่อสู้เพื่อเสรีภาพสื่อมวลชนและสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงข่าวสารที่ถูกต้องเที่ยงตรง ยังคงเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในรูปแบบที่แตกต่างกันไป
ความท้าทายของสื่อมวลชนในยุค AI
สำหรับประเด็นสำคัญสำหรับสื่อมวลชนในปี 2568 นี้ องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้กำหนดหัวข้อหลักสำหรับวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกเพื่อสร้างการตระหนักรู้ในชื่อ “Reporting in the Brave New World – The Impact of Artificial Intelligence on Press Freedom and the Media“
หัวข้อนี้เป็นคำขวัญที่กระตุ้นเตือนให้ผู้คนทั่วโลกมาร่วมกัน ขบคิด และพิจารณาถึงผลกระทบเชิงลึกที่การเข้ามามีบทบาทของ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะมีต่อวงการสื่อมวลชนโลก และอนาคตของเสรีภาพสื่อ เนื่องจากอิทธิพลของ AI ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานของ สื่อมวลชน อย่างมหาศาล
ในด้านหนึ่ง AI นำมาซึ่ง ประโยชน์ และโอกาสใหม่ ๆ ในเชิงบวก เช่น การช่วยเสนอแนะประเด็นข่าว การสนับสนุนการเขียนและเรียบเรียงเนื้อหาข่าว การเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบข้อเท็จจริง การอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนจำนวนมหาศาล

■ ที่มา เว็บไซต์ UNESCO
แต่อีกด้านหนึ่ง ความก้าวหน้าเหล่านี้ก็มาพร้อมกับความท้าทายและความเสี่ยงใหม่ ๆ ที่น่ากังวล เช่นปัญหาข้อมูลที่ผิดพลาดและข้อมูลบิดเบือนที่ถูกสร้างหรือขยายผลด้วย AI การพัฒนาของเทคโนโลยี Deepfake ซึ่งสามารถสร้างเนื้อหาปลอมที่ดูสมจริงได้อย่างแนบเนียน ความเสี่ยงของการถูกควบคุมเนื้อหา โดยมีอคติหรือเจตนาแอบแฝง ภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของบุคลากรสื่อมวลชน รวมถึงผลกระทบต่อ รูปแบบธุรกิจสื่อที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการจ้างงานและค่าตอบแทน ของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อ
ประเด็นเหล่านี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วนที่ประชาคมโลกต้องร่วมกัน ระดมสมอง และหาคำตอบอย่างจริงจังว่าท้ายที่สุดแล้วปัญญาประดิษฐ์จะเป็นพลังที่เสริมสร้างเสรีภาพสื่อ และคุณค่าประชาธิปไตย ให้แข็งแกร่งขึ้น หรือจะกลายเป็นเครื่องมือที่บ่อนทำลายสิ่งเหล่านี้กันแน่
สถาบันวิชาการกับการยกระดับสื่อมวลชนท้องถิ่นในยุค AI
แม้ว่าอิทธิพลของ AI จะแผ่ขยายครอบคลุมไปถึงทุกระดับของวงการสื่อสารมวลชน รวมถึง สื่อมวลชนท้องถิ่น ซึ่งมีข้อจำกัดด้านทรัพยากรและต้องเร่งปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงและยังคงบทบาทสำคัญในการนำเสนอข่าวสารสู่ชุมชน แต่ก็ยังคงพบว่ามีความเหลื่อมล้ำด้านความรู้และทักษะในการใช้ AI ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนในกลุ่มสื่อมวลชนท้องถิ่นด้วย
เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายนี้ สถาบันวิชาการได้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ โดยเป็นรูปธรรมดังเช่นที่คณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ ในหัวข้อ “Creative Storytelling Local Media for MIDL” ขึ้น กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการโครงการการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับการรู้เท่าทันสื่อ เฝ้าระวังสื่อ และสร้างสรรค์สื่อของประชาชนจังหวัดภาคใต้ตอนล่าง จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-27 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ณ อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา มีสื่อมวลชนท้องถิ่น จาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 20 คน เข้าร่วมการอบรมเชิงปฏิบัติการ


■ การอบรมการใช้ AI สำหรับสื่อมวลชนท้องถิ่นของคณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
เนื้อหาการอบรมครอบคลุมตั้งแต่การเสริมสร้างการรู้เท่าทันสื่อ และทักษะดิจิทัล ไปจนถึงการนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบใหม่ที่สอดรับกับบริบทดิจิทัล และหัวข้อสำคัญ คือ การประยุกต์ใช้ AI สำหรับสื่อมวลชน จากการสังเกตระหว่างการอบรม พบว่า ผู้เข้าร่วมอบรมแต่ละคนมีระดับความรู้และทักษะการใช้ AI ที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก ตั้งแต่ผู้ที่เพียงแค่เคยได้ยินชื่อ AI แต่ยังไม่เคยนำมาปรับใช้ประโยชน์เลย ไปจนถึงผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้งาน และส่วนน้อยที่สามารถใช้ AI เป็นเครื่องมือในการทำงานได้อย่างสม่ำเสมอ
กรณีข้างต้นได้ชี้ให้เห็นถึง ความจำเป็นเร่งด่วน ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันให้ การสนับสนุน เพื่อ ยกระดับความรู้และทักษะด้าน AI ไม่เพียงแต่ในกลุ่ม สื่อมวลชนท้องถิ่น เท่านั้น แต่ยังรวมถึง ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น (Local Influencers) ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริม การไหลเวียนของข้อมูลข่าวสาร ที่ถูกต้องสู่ประชาชนในชุมชน
ในบริบทนี้ สถาบันวิชาการ โดยเฉพาะคณะหรือสาขาวิชาที่มีองค์ความรู้ด้านนิเทศศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ดังเช่นที่คณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญในการเสริมศักยภาพของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ด้วยการให้ความรู้และเครื่องมือ เพื่อให้สื่อมวลชนท้องถิ่นมีความตระหนักรู้ เข้าใจ เท่าทัน และสามารถประยุกต์ใช้ประโยชน์จาก AI ในการทำหน้าที่สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความรับผิดชอบมากยิ่งขึ้น
หมายเหตุ
ในการจัดทำบทความนี้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อ ช่วยในการค้นหาข้อมูลและเกลาภาษา ให้มีความสละสลวยยิ่งขึ้น เท่านั้น การตัดสินใจเลือกและตรวจสอบเนื้อหาทั้งหมดในขั้นตอนสุดท้ายก่อนการเผยแพร่ ถือเป็น ดุลยพินิจของผู้เขียน แต่เพียงผู้เดียว
ทั้งนี้ เนื้อหาที่ปรากฏในบทความนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียน และ ไม่จำเป็นต้องสะท้อนหรือสอดคล้องกับมุมมอง หรือจุดยืนขององค์กรแต่อย่างใด
รายการอ้างอิง
CNN. (2025). Body of Ukrainian journalist who died in Russian detention returned by
Moscow with signs of torture and with missing organs. Retrieved from https://edition.cnn.com/2025/04/30/europe/ukrainian-journalist-russia-torture-intl/index.html.
Committee to Protect Journalists. (2025). 176 Journalists and Media Workers Killed in
Israel and the Occupied Palestinian Territory, Lebanon. Retrieved from https://cpj.org/data/killed/all/?status=Killed&motiveConfirmed%5B%5D=Confirmed&motiveUnconfirmed%5B%5D=Unconfirmed&type%5B%5D=Journalist&type%5B%5D=Media%20Worker&cc_fips%5B%5D=IS&cc_fips%5B%5D=LE&start_year=2023&end_year=2025&group_by=year
National Union of Journalists of Ukraine. (2025). List of journalists killed since start of
Russia’s full-scale aggression (UPDATE). Retrieved from https://nuju.org.ua/list-of-journalists-killed-since-start-of-russia-s-full-scale-aggression-update-2/#:~:text=As%20of%20March%2020%2C%202025%2C%20since%20the%20beginning,occupiers%20had%20killed%20at%20least%20117%20media%20workers.
UNESCO. (2025). World Press Freedom Day 2025 Signature Event: Reporting in the Brave
New World – The Impact of Artificial Intelligence on Press Freedom and the Media. Retrieved from https://www.unesco.org/en/articles/world-press-freedom-day-2025-signature-event-reporting-brave-new-world-impact-artificial?hub=66704
แอมเนสตี้ ประเทศไทย. (2561). 3 พฤษภาคม วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก…เสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน. สืบค้นจาก https://www.amnesty.or.th/news/2018/05/3-%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD/