ม.อ.ปัตตานี ประชุมร่วมกับวิสาหกิจชุมชนจักสานเกาะสะบ้ามุ่งร่วมมือกันด้านการจัดการความรู้ พัฒนานักออกแบบ และโมเดล BCG
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะสะบ้า อ.เทพา จ.สงขลา ได้มีการจัดประชุมเพื่อนำเสนอแนวทางการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนกลุ่มจักสานกระจูดตำบลเกาะสะบ้า หมู่ที่ 5 บ้านโคกพยอม โดยมีนายธีรศักดิ์ แสงทอง ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะสะบ้า เป็นประธานการประชุม
การประชุมครั้งนี้ เป็นการหารือร่วมกันระหว่างทีมผู้บริหารและคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี นำโดยรองศาสตราจารย์ ดร.ว่าที่ร้อยเอกสิทธิศักดิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและบริการวิชาการ พร้อมทีมบริหารและเจ้าหน้าที่ของสำนักส่งเสริมฯ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภีรกาญจน์ ไค่นุ่นนา คณบดีคณะวิทยาการสื่อสาร ทีมบริหารและคณาจารย์จากสาขานวัตกรรมการออกแบบสื่อ กับแกนนำและสมาชิกวิสาหกิจชุมชนกลุ่มจักสานกระจูดตำบลเกาะสะบ้า นางอรอนงค์ พุทธปาน ครู กศน.ตำบลเกาะสะบ้า ในฐานะพี่เลี้ยงกลุ่มฯ และเจ้าหน้าที่ อบต.เกาะสะบ้า เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและแสวงหาแนวทางความร่วมมือระหว่างกัน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภีรกาญจน์ ไค่นุ่นนา คณบดีคณะวิทยาการสื่อสาร กล่าวถึงการทำงานร่วมกันของ 3 หน่วยงานหลักจาก ม.อ.ปัตตานี ได้แก่ คณะวิทยาการสื่อสาร สำนักส่งเสริมและบริการวิชาการ และสถาบันวัฒนธรรมศึกษากัลยาณิวัฒนา ว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจากการลงพื้นที่พูดคุยรับฟังความต้องการของชุมชนเมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา นำมาสู่การวิเคราะห์และตกผลึกเป็น 3 แนวทางการพัฒนาหลัก ได้แก่
- ด้านการจัดการความรู้ (Knowledge Management) เพื่อรวบรวม ถ่ายทอด และเผยแพร่องค์ความรู้และภูมิปัญญาด้านการจักสานกระจูดที่มีอยู่ในชุมชน โดยมีสำนักส่งเสริมและบริการวิชาการเป็นผู้รับผิดชอบหลัก
- ด้านการส่งเสริมการออกแบบผลิตภัณฑ์ มุ่งเน้นการพัฒนานักออกแบบผลิตภัณฑ์จากกระจูดในพื้นที่ โดยคณะวิทยาการสื่อสารจะรับผิดชอบจัดทำหลักสูตร Non-degree เพื่อ Upskill ให้แก่สมาชิกกลุ่มและเยาวชนนอกระบบการศึกษาในพื้นที่
- ด้านการใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ตามโมเดล BCG เพื่อนำกระจูดที่เหลือใช้มาสร้างมูลค่าใหม่ โดยสถาบันวัฒนธรรมศึกษากัลยาณิวัฒนา จะศึกษาความเป็นไปได้ในการแปรรูปเป็นกระดาษ เพื่อต่อยอดสู่การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ (Packaging) สำหรับผลิตภัณฑ์ชุมชนและมหาวิทยาลัยต่อไป
“การดำเนินการทั้งหมดนี้จะมุ่งเน้นการพัฒนาสมาชิกวิสาหกิจชุมชนและคนในพื้นที่เป็นสำคัญ เพื่อให้องค์ความรู้และทักษะต่าง ๆ นำไปสู่ความยั่งยืน แนวทางนี้เกิดขึ้นจากการรับฟังปัญหาและความต้องการของชุมชนเป็นหลัก เพื่อให้ตอบโจทย์ชุมชน ไม่ใช่ตอบโจทย์ของหน่วยงาน ซึ่งจะทำให้ผลลัพธ์เกิดขึ้นแก่ชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม กลุ่มวิสาหกิจแห่งนี้มีศักยภาพสูง มีผู้นำที่เข้มแข็ง และได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่ายอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสอันดีที่ ม.อ.ปัตตานี จะได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการเติมเต็มความต้องการของชุมชน” คณบดีคณะวิทยาการสื่อสาร กล่าว
