นศ.นวัตกรรมฯ โชว์ไอเดียถนนปลอดภัย ใน Pakk Taii Design Week 2568
นักศึกษาสาขานวัตกรรมการออกแบบสื่อ คณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี นำผลงานจากโครงการสัมมนา Mission to the Drive ภารกิจพิชิตความปลอดภัยบนท้องถนน ภายใต้การสนับสนุนจากโครงการ Design for Change สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เข้าร่วมงาน SHOWcase Design for Change ในเทศกาล Pakk Taii Design Week 2568 ณ ย่านเมืองเก่าสงขลา ระหว่างวันที่ 5–7 กันยายน เพื่อสะท้อนบทบาทนักออกแบบรุ่นใหม่ในการเสนอแนวคิดสร้างสรรค์ลดอุบัติเหตุทางถนน และผลักดันแนวคิดเมืองปลอดภัยในภาคใต้ ภายในงานมีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ เวทีเสวนากับนักวิชาการและนักออกแบบทางสังคม เวิร์กช็อป “เดินหนนบ่นเมือง” สำรวจจุดเสี่ยงในเมืองเก่า สรุปถอดบทเรียน และนิทรรศการผลงานจากนักออกแบบรุ่นใหม่ใน 7 จังหวัดภาคใต้
ดร.วีระพล สุวรรณกระจ่าง อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ เปิดเผยถึงที่มาและแรงบันดาลใจในการสนับสนุนให้นักศึกษาร่วมพัฒนาโครงการครั้งนี้ว่า จุดสำคัญคือการนำ “งานออกแบบ” มาเป็นพลังขับเคลื่อนการสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยบนท้องถนน ผ่านการใช้ความคิดสร้างสรรค์ของนักศึกษาเป็นต้นแบบและแนวทางแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่จริง

“โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีมาก เพราะทำให้นักศึกษาได้ใช้ศักยภาพทางการออกแบบที่เรียนมา ไม่ใช่แค่สร้างผลงานในห้องเรียน แต่ได้ต่อยอดสู่การพัฒนาชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม เด็ก ๆ ได้เรียนรู้การแก้ปัญหาสังคมไปพร้อมกับการสร้างคุณค่าในงานออกแบบของตนเอง”
ดร.วีระพล กล่าว
นางสาวนินอร์รี ดอลี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชานวัตกรรมการออกแบบสื่อ หนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรม “เดินหนน บ่นเมือง” ได้เล่าถึงประสบการณ์ว่า การได้เดินชมเมืองเก่าสงขลาไปพร้อมกับการ “บ่น” ปัญหาที่พบเจอทันที เป็นประสบการณ์ที่สนุก เพลิดเพลิน และแปลกใหม่ เพราะทำให้รู้สึกมีส่วนร่วมกับพื้นที่จริง ๆ ไม่ต้องเก็บความคิดไว้ แต่สามารถสะท้อนออกมาได้ตรงเวลา
นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชานวัตกรรมการออกแบบสื่อ กล่าวว่า จากการเดินสำรวจพบปัญหาหลายอย่างในเมืองเก่า โดยเฉพาะ รูท่อระบายน้ำบนทางเท้าที่กว้างและเสี่ยงอันตราย การจอดรถซ้อนคันที่ทำให้การจราจรติดขัด และทางเท้าหลายช่วงที่ไม่สามารถเดินได้ จนต้องเบียดลงไปบนถนน เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ปัญหาเหล่านี้สะท้อนถึงข้อจำกัดในการจัดการพื้นที่เมือง ซึ่งยังไม่เอื้อต่อความปลอดภัยและความสะดวกของคนทุกกลุ่ม
“สิ่งที่แตกต่างจากการเรียนในห้องคือ เราสามารถ บ่นออกมาได้ทันที เมื่อเจอปัญหา ทำให้เข้าใจและจำได้ชัดเจนกว่าการนั่งฟังบรรยาย การได้เดินจริง ทำให้เห็นปัญหาใกล้ชิดกับสภาพพื้นที่ และสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาต่อยอดเป็นฐานคิดในการออกแบบแก้ไขได้จริง”
นางสาวนินอร์รี กล่าว

นอกจากนี้ยังสะท้อนว่า การเดินร่วมกับเพื่อน ๆ ทำให้เห็นมุมมองที่หลากหลาย หลายครั้งเพื่อนสังเกตปัญหาที่ตนเองไม่ทันเห็น จึงเกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเปิดมุมมองใหม่ ๆ ซึ่งช่วยขยายวิธีคิดในการออกแบบเมืองได้มากขึ้น
“เราอยากนำสิ่งที่สังเกตและ ‘บ่น’ ออกมาระหว่างกิจกรรม ไปต่อยอดเป็นแนวคิดการออกแบบพื้นที่เมืองให้ปลอดภัยและน่าอยู่ขึ้น รวมถึงเผยแพร่ปัญหาเหล่านี้ให้สังคมหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับรู้ เพื่อร่วมกันแก้ไข เพราะปัญหาเล็ก ๆ ในพื้นที่จริงมีผลต่อชีวิตประจำวันมาก การออกแบบที่ดีจึงสามารถทำให้เมืองน่าอยู่และปลอดภัยได้จริง ๆ”
นักศึกษากล่าวเพิ่มเติม
ด้านนางสาวสุฮารียา ยะโต๊ะ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชานวัตกรรมการออกแบบสื่อ ผู้ร่วมเวทีเสวนากับนักวิชาการและนักออกแบบทางสังคม เปิดเผยความรู้สึกว่า รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมเวทีเสวนาครั้งนี้ โดยเฉพาะเมื่อมีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้เชี่ยวชาญและนักออกแบบมากความสามารถหลายท่าน อีกทั้งยังได้เป็นส่วนหนึ่งของงาน Pakk Taii Design Week ซึ่งถือเป็นเวทีสำคัญที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาตนเองและต่อยอดสู่วิชาชีพด้านการออกแบบในอนาคต
นางสาวสุฮารียา กล่าวอีกว่า การได้ฟังมุมมองจากนักวิชาการและนักออกแบบทางสังคมช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง การออกแบบอย่างยั่งยืนและการใช้งานงานออกแบบในระยะยาว ซึ่งทำให้หันกลับมาพิจารณาผลงานของตนเองว่าจะสามารถต่อยอดได้หรือไม่ และควรพัฒนาในทิศทางใดเพื่อให้มีคุณค่าอย่างแท้จริง

“ดิฉันประทับใจกับแนวคิดที่ว่า การออกแบบสามารถเปลี่ยนแปลงเมืองให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการออกแบบที่เข้าใจพฤติกรรมของผู้คนอย่างลึกซึ้ง ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดจากหนังสือ สถาปัตยกรรมคณะเรี่ยราด ที่กล่าวว่า เมืองไม่ใช่สถานที่ แต่คือผู้คน นั่นหมายความว่าการออกแบบไม่ใช่เพียงสิ่งปลูกสร้างหรือโครงสร้างทางกายภาพ แต่ยังรวมถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม และรายละเอียดเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันของผู้คนด้วย”
นางสาวสุฮารียา กล่าว
นอกจากนี้ยังสะท้อนว่า บทบาทของนักออกแบบมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาชุมชนและสังคม เนื่องจากโลกยุคใหม่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความคิดสร้างสรรค์จึงเป็นเครื่องมือสำคัญ ไม่เพียงเพื่อสร้างความปลอดภัยและความน่าอยู่ของเมือง แต่ยังช่วยเสริมเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยว และสร้างพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นได้อีกด้วย
สำหรับผลงานของทีมนักศึกษาสาขาวิชานวัตกรรมการออกแบบสื่อ คณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี มีทั้งส่วนที่สามารถนำไปใช้จริง และส่วนที่เป็นต้นแบบ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของข้อกฎหมายด้านจราจรและการพัฒนาเมือง สิ่งสำคัญที่สุดคือ การสื่อสารแนวคิดให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจมองเห็นคุณค่าและศักยภาพของผลงาน เพราะการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ไม่ได้เกิดจากนักศึกษาหรือเยาวชนเพียงลำพัง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ใหญ่ในสังคมที่จะช่วยผลักดันให้เกิดผลจริงอย่างเป็นรูปธรรม






